วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Get Lucky (ได้รับโชคที่ดี)


Like the legend of the phoenix
All ends with beginnigs
What keeps the planet spinning
the force from the beginning

เหมือนตำนานของนกฟีนิกซ์
ทั้งหมดจบลงด้วยการเริ่มต้น
สิ่งที่ช่วยให้การปั่นดาวเคราะห์
แรงจากจุดเริ่มต้น

We've come too fat
To give up who we are
So les' raise the bar
And our cups to the stars
She's up all night to the sun
I'm up all night to get some
She's up all night fot good fun
I'm up all night to get lucky
We're up all night 'til the sun
We're up all night  to get some
We're up all night for good fun
We're up all night  to get lucky

ที่เราได้มาอ้วนเกินไป
เพื่อให้ได้ว่าเราเป็นใคร
ดังนั้นโอบอุ้ม 'ยกระดับ
และถ้วยของเราที่จะดาว
เธอทั้งคืนกับดวงอาทิตย์
ฉันทั้งคืนเพื่อให้ได้บาง
เธอคืน fot สนุกดีทั้งหมด
ฉันทั้งคืนที่จะได้รับโชคดี
เราทั้งคืนจนกว่าดวงอาทิตย์
เราทั้งคืนเพื่อให้ได้บาง
เราทั้งคืนเพื่อความสนุกสนานที่ดี
เราทั้งคืนที่จะได้รับโชคดี

The present has no ribbon
Your gift keeps on giving
What is this l'm feeling?
lf you want to leave. l'm with it

ปัจจุบันมีริบบิ้นไม่มี
ของขวัญของคุณช่วยในการให้
ความรู้สึกนี้แมง m คืออะไร?
แต่ถ้าคุณต้องการที่จะออกจากกับมัน


We' up all night to get
we're up all night to get back together
we're up all night ( let's get back together )
We're up all night  to get funky
We're up all night  to get lucky
We're up all night  to get lucky

เราทั้งคืนที่จะได้รับ
เราทั้งคืนที่จะได้รับกลับมารวมกัน
เราทั้งคืน (ให้ของได้รับกลับมารวมกัน)
เราทั้งคืนเพื่อให้ได้ขี้ขลาด
เราทั้งคืนที่จะได้รับโชคดี
เราทั้งคืนที่จะได้รับโชคดี




อ้างอิง...Future Magazine


วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

ไก่ผัดเผ็ดพริกเหลือง


http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-01.JPG
เพื่อน ๆ คนไหนที่ชอบทานอาหารรสชาติเผ็ดร้อน วันนี้พิมมีอาหารจานนึงจะมาแนะนำ นั่นก็คือ  "ไก่ผัดเผ็ดพริกเหลือง" ค่ะ 
 เมนูนี้เป็นเมนูที่พิมไม่ได้คิดขึ้นมาเองค่ะ  แต่เป็นเมนูที่พิมเคยได้ไปทานที่บ้านเพื่อนเมื่อ 2-3 ปีก่อน  แล้วติดใจ  ก็เลยถามแม่เพื่อนซึ่งเป็นคนทำมาว่าทำยังไง  แม่เพื่อนก็บอกให้ฟังคร่าวๆ  ว่าใส่อะไรยังไงบ้าง  แล้วพิมก็ลองเอากลับมาหัดทำดู + ปรับนิดหน่อย .... จนได้มาเป็น  "ไก่ผัดเผ็ดพริกเหลือง"  หน้าตาแบบนี้อ่ะค่ะ ^__^   ......  ซึ่งพิมเห็นว่าอาหารจานนี้ก็หน้าตาน่าทานดี และรสชาติก็โอเคอยู่  (แอบเข้าข้างตัวเองนิ๊ดดดดดดนึง)  มาวันนี้พิมก็เลยขอเอามาเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆ ได้ไปลองทำกันดูค่ะ เผื่อจะติดใจเหมือนพิมนะ  ^_^
หมายเหตุ  สูตรที่พิมให้ไว้สำหรับเมนูนี้และทุกเมนู  ขอให้คิดซะว่าเป็นแนวทางนะคะ  เพราะเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้ชอบรสชาติเดียวกันพิม  ดังนั้นแล้วหากเพื่อน ๆ ชอบรสแบบไหนก็ปรับเพิมลดส่วนผสมและเครื่องปรุงเอาได้ตามใจชอบเลยนะคะ  
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-16.JPG
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-15.JPG
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-17.JPG
:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- เนื้อไก่  250  กรัม
- พริกผัดเผ็ดตามสูตรด้านล่าง
- ถั่วฝักยาว 4 ฝ้ก
- พริกหยวก / พริกชี้ฟ้าเขียวแดง อย่างใดก็ได้ 2 เม็ด
- พริกไทยอ่อน 2 ช่อใหญ่
- โหระพา 2 กิ่ง
- น้ำตาลปี๊บ 1 ชช.
- น้ำปลา  2.5  ชต.
- น้ำซุป/น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- น้ำมันสำหรับผัด 3 ชต.
- รายละเอียดเกี่ยวกับการตวง  ถ้วยคืออะไร ถ้วยตวง  ชต. ชช.  ช้อนตวงคืออะไร  วิธีการใช้ถ้วยตวง ช้อนตวง >> คลิ๊กที่นี่ <<
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-06.JPG
:: ส่วนผสมพริกผัดเผ็ด  :: 
- พริกเหลือง 4 เม็ด  (40 กรัม)
- พริกจินดา 5 เม็ด
- พริกขี้หนูสวนสีเขียวแดง 10-15 เม็ด
- ตะไคร้ 1 ต้นใหญ่ หรือ 2 ต้นเล็ก
- ข่ายาว 1 ซม. 1 ชิ้น
- ผิวมะกรูดหั่น 1/2  ชต.
- หอมแดง 3 หัว
- กระเทียมกลีบเล็ก 1.5 ชต.
- ลูกผักชีคั่ว ยี่หร่าคั่ว โขลกละเอียดอย่างละ 1/2 ชช.
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-02.JPG
:: วิธีทำ  :: 
อันดับแรกเรามาตำเครื่องแกงที่จะใช้ผัดเผ็ดไก่ในเมนูนี้กันก่อนนะคะ ^_^ ....... เริ่มด้วยการหั่นเครื่องแกงทั้งหมดเป็นชิ้นเล็กค่ะ เพื่อให้ตำง่าย  
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-03.JPG
 จากนั้นนำมาตำรวมกันให้ละเอียดค่ะ  โดยปกติพิมก็จะเริ่มตำผิวมะกรูดก่อน พอผิวมะกรูดละเอียดก็ค่อยใส่อย่างอื่น  พอตำทั้งหมดแหลกแล้วค่อยใส่ลูกผักชียี่หร่าคั่วที่โขลกละเอียดแล้วอ่ะค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-04.JPG
ตำออกมาแล้วก็จะได้หน้าตาประมาณนี้นะคะ   (ขอบอก ..... หอมมากๆ)   ก็คดขึ้นใส่ถ้วยเอาไว้ก่อน 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-05.JPG
ต่อมาก็หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นพอคำนะคะ  แต่ให้ชิ้นใหญ่นิดนึง (ล้างก่อนแล้วค่อยหั่น) ...... เนื้อไก่เนี่ยเพื่อน ๆ จะใช้ส่วนไหนก็ได้ ขอให้เป็นส่วนที่ชอบค่ะ  อย่างถ้าพิมทำกินเองก็จะใช้เนื้อส่วนอก (อกไก่)  แต่ถ้าทำให้คุณสามีทานก็จะเป็นเนื้อสะโพก  ถ้าเป็นแม่พิม เค้าจะชอบเป็นสันในไก่นะคะ  ..... แต่ถ้าใช้เนื้อส่วนสะโพก ให้เลาะพวกไขมันทิ้งไปบ้างนะคะ ไม่งั้นเวลาทานจะค่อนข้างเลี่ยนนิดนึงค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-07.JPG
สำหรับพริกไทยอ่อน ... ปกติพิมใช้วิธีรูดเอาแต่เม็ด  แต่คุณสามีพิมไม่ชอบทานพริกไทยอ่อนค่ะ  ก็เลยขอแบ่งเป็นรูด 1 ช่อ และอีก 1 ช่อก็หั่นเป็นท่อนสั้นๆ  ค่ะ   (เพื่อว่าคุณสามีจะได้เขี่ยออกได้)  ...... อ้อ ๆ พริกไทยอ่อนเนี่ย พิมล้างก่อนแล้วค่อยเด็ด แล้วล้างอีกทีค่ะ 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-08.JPG
ส่วนพริกหยวก หรือพริกชี้ฟ้า ก็หั่นเฉียง ๆ ตามในรูปนะคะ  จะเขี่ยเม็ดออกหรือไม่เขี่ยก็ได้  (พิมล้างก่อนแล้วค่อยหั่น - และไม่เขี่ยเมล็ดพริกออก เพราะชอบ ^^)  /  ถั่วฝักยาวก็ล้างนำแล้วหั่นเฉียงเช่นกันค่ะ  (เวลาผัดออกมาแล้ว ดูสวยดี)   /  โหระพาก็เด็ดไว้เป็นใบ ๆ นะคะ 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-10.jpg
เมื่อเตรียมเครื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มาลงมือทำกันนะคะ ... เริ่มด้วยตั้งกระทะบนเตาไฟ ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงไป  เปิดไฟกลาง พอน้ำมันเริ่มร้อนก็ใส่พริกที่เราโขลกไว้ลงไปผัดค่ะ 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-11.jpg
ผัดไปผัดมาสักครู่ พอพริกส่งกลิ่นหอมดีก็ใส่เนื้อไก่ลงไป ผัดให้ไก่สุกนิดหน่อย ก็ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา และน้ำซุปค่ะ  
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-12.jpg
ผัดจนกระทั่งไก่สุก  ตักขึ้นมาชิมรสชาติ  หากขาดรสไหนไปก็เติมเพิ่มเอาตามชอบนะคะ  เร่งไฟแรง แล้วก็ใส่พริกไทยอ่อน  พริกหยวก โหระพา 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-13.jpg
 ผัดให้เข้ากันจนทุกอย่างสุกดี ก็ดับไฟได้เลยค่ะ   
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-14.JPG
สุดท้ายก็ตักใส่จาน ........ แล้วยกขึ้นโต๊ะ .... เสริฟ ..... เราก็จะได้  "ไก่ผัดเผ็ดพริกเหลือง"  ออกมาหน้าตาน่าทานประมาณนี้นะคะ  (ชื่อยาวนิดนึง พิมก็ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดีค่ะ - -")
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-15.JPG
 รสชาติของอาหารจานนี้ จะเค็มนำ ไม่หวาน หอมเครื่องแกงซึ่งเป็นสมุนไพรทั้งน้ั้น และค่อนข้างเผ็ดร้อนนิดนึง แต่ไม่รุนแรงค่ะ   ^_^   ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ชอบเผ็ดรุนแรงกว่านี้ เพิ่มพริกขี้หนูสวนได้ตามชอบเลยนะคะ  และหากเพื่อน ๆ ไม่ทานไก่ จะเปลี่ยนเป็นเนื้อปลาขูดปั้นเป็นลูกชิ้น นำไปต้มให้สุก แล้วนำมาผัดแทนไก่ก็ได้ค่ะ  หรือจะเป็นหมูสามชั้นที่มันน้อย ๆ หน่อยก็โอเคอยู่  หรือจะเป็นกุ้ง  - หมึกก็เข้ากันดีนะคะ  ^_^ 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-chicken-egg-duck/fried-chicken-with-yellow-chili-paste/fried-chicken-with-yellow-chili-paste-16.JPG
ยังไงถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็ลองไปทำทานกันดูนะคะ  เมนูนี้อาจจะแลดูยุ่งยากนิดนึงตรงที่ต้องตำเครื่องแกงด้วย แต่รับรองว่าหลังจากที่ทำเสร็จและได้ชิมแล้ว จะบอกว่าคุ้มค่าที่เสียเวลาตำค่ะ ^__^  ..... แล้วเจอกันใหม่เมนูหน้า สวัสดี  

น้ำพริกมะขาม (แบบผัด)





แล้วก็นำพริกขี้หนูสวนกับพริกขี้หนูเม็ดใหญ่สีแดง  ..... ใส่ครก ตำหยาบ ๆ ...... (ใช้ครกที่โขลกมะขามแหละค่ะ ไม่ต้องล้าง)

แล้วก็ปอกกระเทียมใส่ตามลงไป  (ตัดเฉพาะหัวท้ายกระเทียม และปอกเปลือกที่แข็ง ๆ ... เปลือกอ่อนสีชมพู ไม่ต้องปอกก็ได้ค่ะ)  .... ตำให้ละเอียด  ... แล้วก็ใส่กะปิลงไป

เติมน้ำตาลปี๊บ   .... ตำเบา ๆ ให้เข้ากัน  แล้วก็ใส่มะขามอ่อนที่ตำไว้ตอนแรก ... โขลกให้เข้ากันดีอีกครั้ง

สุดท้ายก็ใส่หมูสับที่เราเตรียมเอาไว้  และเหยาะน้ำปลาลงไปหน่อย  ....... เคล้า โขลกเบา ๆ ให้เข้ากันดี
ก็เป็นอันเรียบร้อย  .... ได้ส่วนผสมน้ำพริกมะขามสำหรับเตรียมเอาลงกระทะไปผัด หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
จากนั้นก็มาตั้งกระทะ (สำหรับจะผัด)  ใส่น้ำมันลงไปหน่อย
พอน้ำมันร้อน ก็ตักส่วนผสมใส่ลงไปเลยค่ะ ...  แล้วก็เอาตะหลิวยี ๆ ให้หมูกระจายตัว  ...... ค่อย ๆ ผัดไปเรื่อย ๆ ไฟกลางค่อนมาทางอ่อน ..... ใจเย็น ๆ  (ระวังไหม้)



พอหมูสุก และส่วนผสมเริ่มแห้ง ... ก็ทำการชิมค่ะ ว่าได้รสชาติถูกใจเราไหม ... ซึ่งรสชาติของน้ำพริกมะขามที่พิมชอบ ก็คือ เปรี้ยวนำ (แต่ไม่จี๊ด) หวานนิด ๆ เผ็ดพอประมาณ  และเค็มตามค่ะ ... ซึ่งถ้าขาดรสอะไรไป ก็เติมตามชอบเลยนะคะ
จากนั้นก็ผัดต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรารู้สึกว่า ... น้ำพริก... มันไม่ค่อยแฉะแล้ว ... ก็ดับไฟ ตักขึ้นใส่จานหรือใส่กล่อง ..... เก็บไว้กินได้ไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์เลยค่ะ



เนื่องจากว่า น้ำพริกมะขามผัดกระทะนี้  .. พิมไม่ได้ทำไว้กินเอง  แต่ทำส่งไปให้พ่อกับแม่คุณแฟนที่สุราษฎร์  ก็เลยไม่ได้เตรียมผักเอาไว้ประกอบฉาก ^^"  ...... ไปค้น ๆ ดูในตู้เย็นและรอบบ้านก็มีแต่ผักอะไรที่ไม่เข้ากัน .... แต่ก็นะคะ  ไม่เป็นไรเน๊าะ  ไม่ได้กินเข้าไป ... แค่เอามาประกอบฉากเท่านั้นเอง  ^^

ป.ล. สำหรับผักทั่วไป ที่พิมว่ากินกับน้ำพริกมะขามแล้วอร่อยมาก ๆ ก็มีแตงกวา ถั่วพู ถั่วฝักยาว มะเขือตอแหล  ... แต่จริง ๆ แล้ว มีผักอะไรที่ชอบ ก็เอามากินด้วย ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ




ยังไงถ้าใครสนใจ ... ลองทำดูนะคะ ... ดูจากรูป อ่านจากข้อความ อาจจะรู้สึกว่าวุ่นวายจัง ยากจริง ... แต่ถ้าได้ลงมือทำแล้ว เพื่อน ๆ อาจจะบอกว่า "ทำไมมันง่ายอย่างนี้เนี่ยยยยยยย"

................ ไปล่ะค่าาาาาาา

เคล็ดลับ วิธีทำแกงเขียวหวานให้อร่อย





เคล็ดลับ วิธีทำแกงเขียวหวานให้อร่อย

ขึ้นชื่อว่า แกงเขียวหวาน แค่ได้ยินชื่อ ก็น้ำลายสอ ออกมารอออยู่ในปากแล้วค่ะ แกงไทย ตระกูลนี้แปลกแตกต่าง จากแกงกะทิ ชนิดอื่นๆ หลักๆเห็นจะเป็นสีของแกง ที่มีสีเขียว ตามสีของพริกที่ใช้ ทำพริกแกงค่ะ แต่คนไทยก็พลิกแพลง แกงเขียวหวานให้ทานได้ไม่จำเจ จากส่วนผสมหลักที่ใช้แกง อาทิเช่น แกงขียวหวานไก่ (อันนี้แม่เขียวหวาน ชอบเป็นที่สุดค่า) แกงเขียวหวานหมู แกงเขียวหวานเนื้อ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงมี เมนูแกงเขียวหวานใหม่ๆ แปลกๆ ออกมาให้เราชิมอยู่เสมอค่ะ ค่ะ
วิธีทำแกงเขียวหวาน ให้อร่อย จุดหลักก็เหมือนกับ การทำแกงชนิดอื่นๆค่ะ น้ำพริกแกง สำคัญมากๆ ค่ะ จากการสำราจล่าสุด ไม่น่าเชื่อ ยังมีเพื่อนๆ ที่ชอบทำครัวอีกหลายคน ยังคงใช้ครก ในการตำ ตำ และ ตำ น้ำพริกแกงเขียวหวาน ใช้เอง เพื่อให้ได้พริกแกง ที่หอม อร่อยถูกปาก ถูกใจ คนที่บ้าน แต่ถ้าใครใช้ชีวิตในเมือง ชีวิตอันรีบเร่ง และเร่งรีบ ไม่มีเวลามานั่งตำน้ำพริกแกงเอง แล้วล่ะก็ เราต้องใช้วิธีลองผิดลองถูกค่ะ ลองสลับซื้อน้ำพริกแกงเขียวหวาน ของเจ้าโน้นที ของเจ้านี้ที ว่าเวลาเอามาแกงเขียวหวานแล้ว ของยี่ห้อไหน น้ำพริกแม่อะไร อร่อยที่สุด ครั้งต่อไป แกงก็ซื้อเจ้าที่เราถูกปากที่สุดค่ะ หรืออาจจะต้องซื้อมาแล้ว ปรุงแต่งเพิ่มเติมอีกทีค่ะ 

สิ่งสำคัญถัดไป ในวิธีทำแกงเขียวหวานให้อร่อย ก็คือกะทิ ค่ะ ถ้าทำได้อยากให้ใช้กะทิสด แบบว่าซื้อมะพร้าวขูดมาคั้นเอง โดยจะต้องซื้อมะพร้าวใหม่ๆ จริงๆ ขูดใหม่ๆ คั้นกันใหม่ๆ (อุ๊ย.. โดนค้อน...โอเคค่ะ เอาเคล็ดลับ แบบเหนื่อยน้อยหน่อย ไม่ต้องขูดมะพร้าว แบบมะหมี่ก็ได้) แต่ก็จะบอกจริงๆ ว่า ถ้าอยากได้แกงเขียวหวานอร่อยๆ เราควรใช้กะทิคั้นสดใหม่ๆ ค่ะ ซึ่งเดี๋ยวนี้ตามท้องตลาด ร้านขายมะพร้าว เค้าก็มีเครื่องคั้นให้นะคะ แต่ถ้ามันลำบากเหลือแสน ก็ใช้กะทิกล่องก็ได้ค่ะ 
เวลาแกง ไม่ว่าจะแกงเขียวหวาน หรือแกงไหนๆ ต้อง ผัดน้ำพริกแกง ก่อนค่ะ เอาหัวกะทิ ลงไปเคี่ยวในกะทะให้ แตกมัน ใส่น้ำพริกแกงลงไป ผัด ผัด แล้วก็ผัด พอส่วนผสมเริ่มแห้ง ก็เติมกะทิลงไปอีกพอแฉะ แล้วก็ผัด ผัด ผัด จนน้ำพริกแกงแตกมัน มีกลิ่นหอมค่ะ (ไม่แนะนำให้ผัดน้ำพริกแกง ในครัวปิดที่ไม่มีเครื่องดูดควัน นะคะ แบบว่าจามกันทั่วบ้านแน่ค่ะ) เมื่อผัดน้ำพริกแกงเขียวหวาน จนได้ที่แล้วจึงใส่เนื้อสัตว์ตามที่ต้องการลงไป ไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู เนื้อ หรือลูกชิ้น อุ่ยเกือบลืมไป ในกรณีที่เป็น แกงเขียวหวานหมู หรือแกงเขียวหวานเนื้อ ถ้าเราอยากได้แกงแบบเนื้อนุ่มๆ ให้เราเอาเนื้อหมู หรือเนื้อวัว นั้นไปหมัก และเคี่ยวกับกะทิ ก่อนค่ะ จะทำให้ได้เป็น แกงเขียวหวานหมูนุ่มเลยล่ะค่ะ
พอเนื้อสัตว์เริ่มสุก จึงตักใส่ในหม้อหางกะทิ ที่อุ่นเอาไว้ก่อนแล้ว หางกะทิเวลาแกง เราไม่ควรใส่น้ำหางกะทิมากจนเกินไปค่ะ ใส่แต่พอทำให้แกง "ขลุกขลิก" แกงจะได้รสชาติเข้มข้นค่ะ จากนั้นคนให้เข้ากัน พอแกงเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักลงไป ใบโหระพาให้ใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่อย่างงั้นใบจะดำดูไม่น่าทาน สีของพริกชี้ฟ้าที่ใช้ ให้เป็นสีแดงๆ เหลืองๆ จะช่วยส่งให้แกงเขียวหวาน ดูมีสีสัน น่ารับประทาน ที่เหลือก็แค่ตักใส่ชามเสริฟ์ร้อนๆ พร้อมกับข้าวสวยหรือขนมจีน

สูตรอาหาร : พายสับปะรด




สำหรับ วันนี้ผมเอาสูตรการทำ พายสับปะรด มาฝากกันสำหรับขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เหมาะสำหรับทำเป็นของฝากให้กับคนรู้จัก หากทำอร่อยจะเอาไปทำขายก็ไม่ว่ากันครับ เอาหละไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เรามาลองดูวิธีทำกันดีกว่า

ส่วนผสม (ทำได้ 40 ชิ้น)
1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
2. เนยสด 1/2 ถ้วยตวง
3. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4. น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนชา

วิธีทำสับปะรดกวน
1. นำสับปะรดมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ
2. บีบน้ำออกให้หมด
3. นำสับปะรด 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา อบเชยขนาดยาว 1 นิ้ว 1 แท่ง เผาไฟนิดหน่อย พอให้ออกกลิ่น (ถ้าเป็นอบเชยป่นก็ใช้ 1/2 ช้อนชา) ลงไปกวนด้วย คนเป็นระยะจนเหนียวทิ้งไว้ให้เย็น

วิธีทำแป้งพาย
1. ร่อนแป้ง เกลือป่น และน้ำตาลไอซิ่ง 2 ครั้ง ใส่ภาชนะ
2. ใส่เนยสดโดยตัดเป็นแผ่นบางๆลงในแป้งที่ร่อนในขั้นตอนแรก
3. ค่อยๆพรมน้ำ พร้อมใช้มือตะล่อมแป้ง และเนยสดให้เข้ากัน
4. เมื่อนวดแป้งเข้ากันแล้ว ให้ห่อด้วยกระดาษฟลอย หรือถุงพลาสติก แช่ในตู้เย็น 15 นาที
5. นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วมาคลึงแผ่เป็นแผ่นหนาประมาณ 1/4 นิ้ว
6. ตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ลงพิมพ์
7. ตักสัปรดกวนใส่ แล้วนำแป้งตัดเป็นเส้น ทาด้วยไข่แดงที่ตีพอแตก มาคาดทับ
8. เข้าเตาอบ ความร้อน 375 ฟาเรนไฮท์ หรือ 200 องศาเซลเซียส

เท่านี้หละครับวิธีทำ เห็นไหมไม่ยากเลยสักนิด คราวหน้าจะเอาสูตรอาหารอะไรมาฝาก คอยติดตามกันนะครับ

สลัด สุขภาพ






ผักที่ใช้ในการทำสลัด


ผักเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการทำสลัด แต่ประเภทของผักที่นิยมจะนำมา ทำสลัดนั้น มีอยู่ 2 อย่างคือ  เป็น ผักที่มีรสชาติที่ต้องเข้ากับน้ำสลัดได้ดี และ เป็น ผักที่มีความชอบส่วนตัว ในที่นี้เราจะแบ่งผักออกเป็น 3 ประเภท เพื่อเข้าใจง่ายขึ้น ผักประเภทใบ ผักประเภทหัวหรือผล และ ธัญพืช

   ผักประเภทใบเขียว เรามักเรียกโดยรวมทั่ว ๆ ไปว่า ผักใบเขียว ได้แก่ ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ก ผักคอสหรือผักโรเมน ผักคอสแดง ผักบัตเตอร์เฮด กะหล่ำปลี ซึ่งผักใบเขียวหรือแดงที่ยกตัวอย่างมานี้ นิยมใช้ทำสลัดกันมากที่สุดเพราะมีรสจืด แต่บางที่ผักให้กลิ่นฉุน หรือขมนิด ๆ  ก็เป็นที่ชื่นชอบกันไม่น้อยเลยที่เดียว เช่นผักร๊อกเกต สำหรับผักที่มีลักษณะที่ช่อ ก้าน หรือใบเล็ก ๆ ที่นิยมนำมาปรุงทำสลัด หรือ เป็นส่วนผสมในน้ำสลัด มีหลายชนิด เช่นกัน ที่นิยมกันมากที่สุด ทั้งทำสลัด และ ส่วนผสมของน้ำสลัด คือ ผักชีฝรั่ง หรือ พาร์สลีย์ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง หรือ เซเลอรี่ ผักชีลาว หรือ ดิลผักชีอิตาลี สะระแหน่ โหระพา ฯลฯ

   ผักประเภทหัวหรือผล ผักประเภทนี้ เป็นที่รู้จักกันดีและนิยมรับประทานกันอยู่แล้ว เช่น แครอท หัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง มันเทศ เผือก มะเขือเทศ ฟักทอง พริกหวาน มะเขือม่วง บีตรู้ต แรดิช แตงกวา ซูกินี ฯลฯ  รวมถึงผลไม้อย่างอะโวคาโด แอ๊ปเปิ้ล มะม่วง แคนตาลูป ฝรั่ง แก้วมังกร  ฯลฯ เหมาะสำหรับที่จะทำเป็นสลัด ที่ต้องการใช้น้ำสลัดครีมข้น เวลารับประทานต้องนำไปต้ม นึ่ง หรือลวกให้สุกเสียก่อน ยกเว้นบางชนิดที่รับประทานสดได้เลย เช่น แครอท หัวหอมใหญ่ มะเขือเทศ พริกหวาน แตงกวา ซูกินี เป็นต้น และรวมถึงผลไม้ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน

  ธัญพืชต่าง ๆ ที่นิยมทำสลัดมากที่สุด คือ ถั่วแดง ลูกเดือย ข้าวโพด ฯลฯ รวมถึง ข้าวชนิดต่าง ๆ และ พาสต้าที่ทำมาจากข้าวสาลีด้วย เราสามารถใส่ธัญพืชแทนเนื้อสัตว์ได้ เพราะมีสารอาหารครบห้าหมู่

ดังนั้น สลัดประเภทนี้ จะหนักท้องมากกว่า สลัดผักใบเขียวทั่ว ๆไป ต้องนำไปต้ม นึ่ง หรือลวกให้สุกเสียก่อนที่จะนำไปทำสลัด



มารู้จักผักสดที่นิยมนำมาใช้ทำผักสลัด เมนูสุขภาพ กันค่ะ





เครื่องปรุง

           ผักสลัดต่างๆ เช่น ผักกาดหอม ผักกาดแก้ว ผักกาดหวาน มะเขือเทศลูกใหญ่หรือมะเขือเทศเชอร์รี่ แตงกวาไทยหรือญี่ปุ่น หอมหัวใหญ่ กะหล่ำม่วง แครอทฝอย พริกหยวกฝรั่งแดง-เหลือง  เครสต่างๆ เช่น วอเตอร์เครส มัสตาร์ดเครสหรือเครสญี่ปุ่น

น้ำสลัดน้ำใส

น้ำมันสลัด                      3  ส่วน

(300 มิลลิลิตร)

น้ำส้มสายชูบัลซามิล       1 ส่วน

(100 มิลลิลิตร)

มัสตาร์ดดีจอง                  1 ช้อนโต๊ะ

หอมเล็กสับ                      1 ช้อนโต๊ะ

ใบไทม์สด                        1 ช้อนชา

เกลือ                                 1 ช้อนชา

พริกไทยป่น                      ½ ช้อนชา

น้ำตาล                              ½ ช้อนชา

            วิธีทำ

1. ล้างผักให้สะอาด จัดใส่จานให้สวยงาม

2.เตรียมน้ำสลัด โดยใช้ไม้ตีไข่ทรงตระกร้อผสมทุกอย่างให้เข้าด้วยกัน ยกวันน้ำมันสลัด แล้วค่อยๆเติมน้ำมันสลัดลงในชาม โดยใช้ไม้ตีไข่ไปเรื่อยๆ

**การถนอมผักสลัด วิธีรักษาคุณภาพผักคือเอาใบตองห่อผัก โดยอย่าเพิ่งล้างผัก เพราะผักจะชำชอก ที่ถูกล้างเก็บไว้ต้องเน่า เพียงเอาน้ำพรมน้อยๆแค่ให้ชื้น และใส่ถุงพลาสติกยักษ์เก็บไว้ในตู้เย็น จะไม่เหี่ยวเน่า สดสวย

**น้ำสลัดนั้นเก็บในขวดแช่ตู้เย็นไว้รับประทานได้นาน 3-4 อาทิตย์





                                                   

สภาวะของอารมณ์


 

“เบื่อ”
เป็นสภาวะของอารมณ์ที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในขณะนั้น โดยอาจแสดงออกด้วยการซึมเศร้า นิ่งเฉย ขาดความสดชื่น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดแรงจูงใจและเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ
     
       ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยตกอยู่ในสภาวะแห่งความเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อแฟน เบื่อคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งเบื่อตัวเอง
     
       ผู้เขียนมีวิธีการแก้เบื่ออย่างง่ายๆ ที่มั่นใจว่าช่วยลดความเบื่อได้อย่างแน่นอน 100% ดังนี้
     
       1.เบื่องาน เช่น รู้สึกไม่อยากทำงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน รวมไปถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกนัอง เบื่อระบบงานต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่อยากจะหยิบจะจับงานอะไรหรือพาลอยากจะลาออกจากงานไปเลยด้วยซ้ำ
     
       วิธีแก้เบื่องาน
       - คิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำงาน คือ คิดเสียว่างานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มีงานทำดีกว่าไม่มี เพราะถ้าไม่มีงานเราก็จะขาดรายได้ซึ่งทำให้เราไม่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นหรือซื้อหาความสะดวกสบายให้ชีวิต
       - คิดว่างานเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราจะต้องเอาชนะและทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความสามารถของเรา
       - จัดแต่งโต๊ะทำงานใหม่ เช่น เอารูปภาพวิวสวย ๆ มาติด เอาแจกันใส่ดอกไม้สวย ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเบื่อได้
       - แก้ปัญหาเบื่อเพื่อนร่วมงาน อาจจะเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนพาลอยากจะลาออกจากงาน วิธีแก้เบื่อเพื่อนร่วมงานอย่างง่ายที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพูดหรือเกี่ยวข้องกับคนที่เราเบื่อให้น้อยที่สุด
     
       2.เบื่อคนใกล้ตัว เช่น เบื่อแฟน เบื่อสามี เบื่อภรรยา ซึ่งก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยๆ รู้สึกว่าถูกคนใกล้ตัวเอาเปรียบอย่างใดอย่างหนึ่งเบื่อหน่ายนิสัยบางอย่างของเขา ถูกเขาทำให้เสียใจ ผิดหวังซ้ำซาก หรืออาจเกิดจากการที่ความพิศวาส หรือความพึงพอใจในตัวเขาลดลง ทำให้ขาดความตื่นเต้นในชีวิตคู่ สัญญาณในการบอกว่าเรารู้สึกเบื่อแฟนหรือเบื่อสามีภรรยา สังเกตได้ง่ายๆ คือ รู้สึกคิดถึงและห่วงใยน้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็แทบไม่คุยกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันน้อยมาก
     
       วิธีแก้เบื่อคนใกล้ตัว
       - หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งพูดตรงๆ ถึงความรู้สึกของกันและกันว่าเรารู้สึกไม่พอใจกันตรงไหนบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะมีความเข้าใจกันมากขึ้นและเมื่อได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกจะดีขึ้นและทำให้หายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้
       - ท่องเที่ยวร่วมกัน การที่แฟนหรือสามีภรรยา ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ในการไปดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเป็นการไปฮันนีมูน ไปดูสิ่งที่สวยงามแปลกใหม่ เป็นโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน ซึ่งนอกจากช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ความเบื่อหน่ายระหว่างกันลดลงด้วยเพราะความตื่นเต้นสนุกสนานจะทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขขึ้นได้
     
       3.เบื่อตัวเอง เกิดจากความรู้สึกเหงา คับข้องใจ ไม่ได้ตามที่ใจต้องการ หันไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ หดหู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครขึ้นมา คนนั้นก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองจนขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการดำเนินชีวิต
     
       วิธีแก้เบื่อตัวเอง
       - เปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเราเป็นคนใหม่ได้
       - ออกกำลังกาย ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ ลองท้าทายตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น แล้วชีวิตใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน
       - เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แต่งบ้านใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมในบ้านให้แปลกตาไปกว่าเดิม จัดสวนใหม่ หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา จะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นและผ่อนคลายขึ้น
       - ลองเปลี่ยนเส้นทางในการไปทำงานหรือกลับบ้านบ้าง จากเส้นทางเดิมๆที่รถติดน่าเบื่อหน่ายอาจสลับเปลี่ยนไปเดินทางที่ลัดบ้างอ้อมบ้างแต่รถไม่ติดมากและยังได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปจากเดิม
       - ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต
       - กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือลองคิดค้นหาเมนูอาหารใหม่ๆ ลองทำกินดู
       - โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยได้ การคุยกับเพื่อน ๆ ออนไลน์ผ่านทาง facebook whatsapp line ช่วยทำให้เราหายเบื่อได้ แต่อย่าถึงเสพติดจนติดแหง่กไม่สนใจชีวิตด้านอื่นเลย
       - สมัครเรียนคอร์สสั้นๆ ที่เราสนใจ เช่น เรียนทำขนม เรียนภาษา เรียนร้องเพลง เรียนโยคะ
       - ไปเดินตลาดต้นไม้ หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน เพื่อสร้างความสดชื่น
       - เขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกของตัวเอง ระบายความในใจ
       - ไปเยี่ยมคนชราหรือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ สมัครเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ไปเก็บขยะที่ชายหาด เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าขึ้น
     
       ความรู้สึก “เบื่อ” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเราเอง ด้วยการก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสดชื่นและหายเบื่อได้ อย่าบ่อยให้ความเบื่อครอบงำเรานานเกินไป เพราะมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายทั้งนั้น
     
       ถึงเวลาทิ้งความเบื่อของคุณแล้วรึยัง!